เพราะเป็นหนึ่งในทายาทตระกูลชินวัตรของแท้ ตรงตามที่กูรูทางการเมือง คาดสเปคแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เอาไว้ตั้งแต่แรก ว่าต้องมี “ดีเอ็นเอ” ของ “ชินวัตร” เป็นตัวเลือกแรก เพราะเป็นจุดขายได้ และเชื่อมโยงผู้มีบารมีของพรรค สื่อนัยไม่ได้ทิ้งพรรคไปไหน นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ทายาทของนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จึงเป็นแคนดิเดต นายกฯ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.เลือกตั้ง เป็นเบอร์ 2 และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเป็นเบอร์ 3 หลังมีการเปิดตัวและแสดงวิสัยทัศน์ของทั้ง 3 คน ปรากฏเสียงวิพากษ์ตามมมาทันที เพราะนโยบายเร่งด่วน จาก “คนเก่า” ในพรรค อย่างนายจุลพันธ์ คือปลดหนี้สินคนไทย และสานต่อหวยเกษียณ ที่จะทำทันทีภายใน 3 เดือนเมื่อได้เป็นรัฐบาล และการประกาศสานต่อรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ของนายสุริยะ รวมทั้งฟื้น “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” ที่อยู่อาศัยราคาประหยัดบนที่ดินของการรถไฟฯ ที่เคยถูกท้วงติงว่า ไม่ใช่หน้าที่และอำนาจของ รฟท. แม้แต่กระทรวงคมนาคม ไม่แคล้วเป็นแนวทางประชานิยม ตามแบบฉบับเดิมตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ที่หวังผลคะแนนเสียงในการเลือกตั้งเป็นสำคัญ แต่วิสัยทัศน์ของนายยศชนันกลับสวนทาง เพราะมองไกลไปข้างหน้า คือการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศแบบยกเครื่องใหม่ทั้งหมด และใช้เทคโนโลยี-เอไอ เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เชื่อว่าประเทศไทยยังมีโอกาส และพัฒนาพลิกฟื้นได้ ในฐานะเป็นนักวิชาการ บุคลิกดูดีน่าเชื่อถือ เป็นรองคณบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ดูแลเรื่องการวิจัยทั้งหมดของมหาวิทยาลัย ผ่านประสบการณ์เรื่องสตาร์ทอัพ การเชื่อมโยง SMEs เข้ากับภาคอุตสาหกรรม เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาทั้งใน-ต่างประเทศ ด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี ทำให้ในช่วงจังหวะที่พรรคเพื่อไทย ต้องการอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอเพื่อเรียกความเชื่อมั่นได้ คำตอบน่าจะอยู่ที่นายยศชนัน แต่อาจจะมีจุดด้อย ตรงที่ยังขาดประสบการณ์บนเวทีการเมือง อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเคยเป็นเพียงผู้สมัคร สส.เมื่อครั้งการเลือกตั้งเป็นโมฆะ จึงยังไม่มีผลงาน หรือหลักประกันใด ว่าจะสามารถยืนหยัดฝ่าฟันมรสุมทางการเมืองที่จะมีเกิดขึ้นในอนาคตได้ นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งคำถามสำคัญ เมื่อเป็นคนของพรรคเพื่อไทย จะมีอำนาจเต็มการตัดสินใจ เพื่อเดินหน้าทำตามที่พูดหรือตั้งใจไว้ได้จริงหรือไม่ ต้องไม่ลืมว่า แม้แต่นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ยังถูกตั้งคำถามในเรื่องนี้ นักวิชาการ รศ.ตระกูล มีชัย รองคณบดี คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ให้ความเห็นว่า แคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรคเพื่อไทย ยังไม่ “ว๊าว” พอ แม้แต่นายยศชนัน ที่เป็นนักวิชาการและมีข่าวว่าเป็นคนเก่งคนหนึ่ง ทั้งนี้เพราะไม่อาจมองข้ามความจริงว่า ปัญหาภายในประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง ปราบสแกมเมอร์ และปัญหาด้านต่างประเทศ อย่างไทย-กัมพูชา และภาษีการค้าสหรัฐฯ รอท้าทายความสามารถอยู่ข้างหน้า เว้นแต่พรรคเพื่อไทย จะประกาศรายชื่อทีมงานและสต๊าฟ อย่างโดดเด่นเข้มแข็งพอเพื่อให้ผู้คนเชื่อมั่นว่าจะสู้กับเรื่องต่าง ๆ หลังการเลือกตั้ง บนเส้นทางการเมืองนับจากนี้ นายยศชนันยังมีภารกิจสำคัญ ต้องต่อกรกับแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองอื่นอีกหลายคน เพื่อแสดงศักยภาพ และแย่งชิงความเชื่อมั่น รวมทั้งคะแนนเสียงจากประชาชน ต้องเจอทั้งรุ่นเก่าลายครามอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ กระแสส่ง อย่างนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน อีกทั้งการเลือกตั้ง สส.ที่กำลังจะมีขึ้น จะเป็นครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยสู้ศึกในฐานะ “มวยรอง” ไม่ใช่ในฐานะ “เต็งหนึ่ง” เหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ขณะที่ผู้มากบารมีตอนนี้ก็ยังอยู่ในเรือนจำ คงทำได้ดีที่สุด ก็แค่ได้ลุ้นว่า ช่วงเวลาหาเสียงและเลือกตั้ง จะได้เข้าเกณฑ์พักโทษ หรือสามารถเคลื่อนไหวช่วยดึงเรตติ้งให้กับพรรคเพื่อไทยได้บ้างหรือไม่ ดังนั้น ไม่ว่าจะมองในมุมไหน นายยศชนัน จึงเป็นทั้งปัจจัย เป็นตัวช่วย และเป็นคำตอบสำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกตั้งอย่างปฏิเสธไม่ได้ วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : "ฉก.นย.ตราด" ยึดพื้นที่ "บ้านสามหลัง" กัมพูชาล่าถอย เตรียมปรับพื้นที่เป็นฐานทางทหาร เปิด 16 เขตใน 7 จังหวัดชายแดน กกต.จ่อใช้วิธีเลือกตั้งแบบพิเศษ ทหารไทยเสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย สมรภูมิบ้านหนองจาน สระแก้ว