ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่แค่ศึกชายแดน แต่คือปฏิบัติการกำจัดอาชญากรรมออนไลน์ระดับโลก

วันนี้ (18 ธ.ค.2568) ไทยกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต (Global Partnership against Cyber Scamming) ร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.2568 ที่กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจาก 58 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศกว่า 300 คน จากภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วม การประชุมครั้งนี้เน้นกระชับความร่วมมือที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ที่เชื่อมโยงกับค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน และฟอกเงิน ซึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวเปิดการประชุมเมื่อวาน (17 ธ.ค.) ว่าอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์แพร่กระจายรวดเร็ว โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 99,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้ช่วยเหลือพลเมืองกว่า 40 สัญชาติ รวมกว่า 10,000 คน จากแหล่งอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้าน นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ย้ำว่าการประชุมเป็นเวทีรวมพลังแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อปกป้องประชาชน ขณะที่ โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลคุ้มครองเหยื่อจากการทรมานและข่มขู่หลังถูกช่วยเหลือ และ เดลฟีน ชานทซ์ ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาค ชื่นชมบทบาทไทยที่ริเริ่มประชุมนี้ เนื่องจากเหยื่อจำนวนมากถูกหลอกไปร่วมขบวนการและเผชิญความรุนแรง สำหรับวันนี้ ที่ประชุมจะลงนามถ้อยแถลงกรุงเทพฯ (Bangkok Joint Statement) เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือด้านกฎหมาย การตัดช่องทางการเงิน และใช้เทคโนโลยีป้องกัน โดยที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เน้นย้ำว่าถึงเวลายกระดับจากการหารือสู่การลงมือปฏิบัติจริง ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งขัน อย่างไรก็ตาม กัมพูชาไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วม ซึ่งนายสีหศักดิ์มองว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่หวังว่าประเทศดังกล่าวจะนำผลลัพธ์ไปปฏิบัติ การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางศึกชายแดนไทย-กัมพูชาที่ปะทุขึ้นใหม่ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ข้อพิพาทดินแดนตั้งแต่ปี 2450 ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตัดสินแล้ว แต่เป็นปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เพื่อถอนราก "เครือข่าย Scam Army" หรือกองทัพสแกมเมอร์ข้ามชาติระดับโลก ตามที่ กองทัพภาคที่ 2 ระบุในแถลงการณ์ล่าสุดว่า "Scam Army = Global Threat, Thailand = Frontline Defender" โดยสื่อไทยส่วนใหญ่มุ่งโฟกัสถ้อยแถลงทางการเมือง แต่สื่อต่างชาติอย่าง The Wall Street Journal ให้ความสำคัญกับมิติอาชญากรรมไซเบอร์ที่ไทยกำลังจัดการ จนถึงวันที่ 14 ธ.ค. กองทัพไทยได้โจมตีและทำลายฐานปฏิบัติการสแกม 6 แห่ง รวมกาสิโนและโรงแรมที่ใช้หลอกลวงเหยื่อทั่วโลก โดยเฉพาะพลเมืองสหรัฐฯ ซึ่ง 2 แห่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรและยึดทรัพย์ก่อนหน้านี้ จากธุรกรรมสแกมเมอร์มูลค่ามหาศาล ทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศ Asiatimes กล่าวว่า ศูนย์สแกมเมอร์ออนไลน์นับสิบแห่งแถบชายแดน ถูกดำเนินการโดยเครือข่ายอาชญากรเชื่อมโยงกับชนชั้นนำกัมพูชาและเชื่อมโยงกับชนชั้นนำผู้ปกครอง เช่น ฮุน เซน อดีตนายกฯ และ พ่อของ ฮุน มาเนต นายกฯ ปัจจุบัน ใช้โอกาสสร้างกระแสชาตินิยมก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่ทางไทยมองเป็นเป้าหมายทางทหารเชิงยุทธศาสตร์ กองทัพอากาศไทยโจมตีสถานที่เหล่านี้ที่ใช้เก็บคลังแสงอาวุธรบ ขณะที่กัมพูชายิงจรวด BM-21 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับสิบ ประชาชนกว่า 5 แสนคนพลัดถิ่น ไทยยึดคืนพื้นที่ชายแดนบริเวณ จ.สระแก้ว-บันเตียเมียนเจย จนถึงหมู่บ้านจกเจย และ เปรยจัน เพื่อป้องกันการโจมตีอนาคต แต่เป้าหมายหลักคือกำจัดศูนย์สแกมเมอร์ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้เศรษฐกิจกัมพูชา มูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี ในเมืองโอร์เสม็ดเพียงแห่งเดียวมีแรงงาน 10,000 คนจากต่างชาติที่ถูกบังคับทำงานสแกมเมอร์ สร้างความไทยเสียหายปีละ 115,300 ล้านบาท จากการหลอกลวงออนไลน์ มากไปกว่านั้น หลังการหยุดยิง จากข้อตกลงทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อเดือน ก.ค. โดยมาเลเซียในฐานะประธานหมุนเวียนสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ การแทรกแซงด้วยการขู่เรื่องภาษีนำเข้า จาก ปธน.ทรัมป์ นอกจากจะไม่เป็นผลแล้ว การปะทะรอบเดือน ธ.ค. ดูจะรุนแรงกว่า ทั้งสองชาติกล่าวหาต่อกันว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เช่น กัมพูชาอ้างไทยยิงเครื่องบินรบ F-16 ถล่มหมู่บ้าน วัด โรงเรียน โบราณสถาน 30 กิโลเมตรจากชายแดน ไทยปฏิเสธและชี้ทุ่นระเบิดที่ชายแดนเป็นของใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่า กองทัพไทยระบุเป้าหมาย "ทำให้ กัมพูชา สิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลาน" ผู้เชี่ยวชาญของ Asiatimes คาดว่าการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชาจะไม่ยุติลงในเร็ววันนี้ และ ปธน.ทรัมป์ ก็ไม่ได้มีอำนาจทางการทูตมากนัก นอกจากขู่แค่ว่าจะเก็บภาษีใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่ค่อยได้ผลในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.ทหาดไทย ปฏิเสธการไกล่เกลี่ยจากบุคคลที่สาม และได้อธิบายสถานการณ์ให้ทรัมป์เข้าใจ ชี้ว่าเป็นปัญหาเฉพาะไทย-กัมพูชาเท่านั้น อ่านข่าวอื่น : "หมอสุภัทร" ชี้ ปชน.ตรงอุดมคติ มองคู่แข่งสมน้ำสมเนื้อทั้ง "จุรี-ศาสตรา" ดั๊มรถบรรทุกชนสะพานลอยถนนเทพรัตน ถล่มทับรถมีคนบาดเจ็บ ปะทะหนักชายแดน "สุรินทร์-ศรีสะเกษ" ฝ่ายไทยคุมพื้นที่สำคัญได้หลายจุด