แนวรบตาพระยาเดือด ถล่ม “ปอยเปต” สกัดทหารเขมร ยิงอาวุธหนัก

การสู้รบไทย-กัมพูชา ยังไม่จบง่ายอย่างที่คาด เมื่อเขมรปรับรูปแบบ ใช้วิธีที่เรียกว่า “รบหน่วง” และไม่ใช้กองกำลังทหารบ้านและทหารราบ แต่ใช้การรบแบบกองโจรขุดรูหนี มีการซุ่มโจมตี  คลิปภาพที่ทหารกัมพูชาระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง RM-70 โจมตีบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์แนวรบด้านนี้ ยังไม่น่าไว้วางใจ แม้เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทหารเรือนาวิกโยธิน  (นย. ) กองพันทหารราบที่ 2 (ค่ายตากสิน จันทบุรี) พร้อมหน่วยรบพิเศษ กองทัพเรือ มนุษย์กบ SEAL และRECON นาวิกโยธิน เข้ายึดคืนแผ่นดินไทยยึดบริเวณบ้านสามหลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก จ.ตราด ได้เบ็ดเสร็จ โดยสามารถชักธรงราชนาวีไทย วางกำลังสถาปนาพื้นที่ทันที หลังหน่วย BHQ กัมพูชา พยายามบุกรุกเข้ามาอีกรอบหนึ่ง แต่ถูกกองกำลังป้องกันชายแดน จันทบุรีและตราด ภายใต้ยุทธการ “ตราดปราบปรปักษ์” จนทำให้ทหารเขมรต้องร่นถอยออกจากพื้นที่ แม้แนวรบด้านจ.ตราดบ้านสามหลัง ต.บ้านชำราก จะสถาปนาพื้นที่ความมั่นคงได้แล้ว โดย น.อ. ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ระบุว่า เมื่อ 3 วันก่อน ไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่บ้านสามหลังได้ แต่กัมพูชาได้พยายามเปิดปฏิบัติการเข้าตีเพื่อชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการตั้งฐานที่มั่นไม่ห่างจากพื้นที่ดังกล่าว ทหารไทยจึงต้องตั้งรับอย่างเข้มข้น ทั้งทางอากาศ เครื่องบิน F-16 ปืนใหญ่ ปืนกล และกำลังพลภาค พื้นดิน ถือเป็นการปิดจ็อบเบ็ดเสร็จบริเวณบ้านสามหลังอย่างสมบูรณ์ “จากนี้ไทยเตรียมเดินหน้าปรับสภาพพื้นที่ ขุดคูเลต เสริมแนวป้องกัน และจัดตั้ง เป็นฐานที่มั่นทางทหารถาวร เพื่อให้กำลังพลประจำการปกป้องอธิป ไตยและผืนแผ่นดินไทยอย่างมั่นคง”ผบ.ฉก.นย.ตราด กล่าว มีรายงานจากพื้นที่ระบุว่า หลังทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่อธิปไตยบ้านหนองรี หรือ บ้านสามหลังกลับคืนมาได้ ทางทหารและชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันทำถนนสายความมั่นคงทันที และมีการตั้งฐานทหารถาวรอีกด้วย ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาตราด ได้ประกาศปิดสถานศึกษากรณีเหตุพิเศษ และกรณีพิเศษ ฉบับที่ 2 จากสถานการณ์ความไม่สงบจากปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอีก 5 วันทำการ คือระหว่างวันที่18-24 ธ.ค.นี้ อีกหนึ่งแนวรบตะวันออกวันเดียวกัน ด้าน “ตาพระยา” ยังเดือด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชา ได้ระดมยิง BM-21 และปืนใหญ่กว่า 100 นัด ตกใส่ไร่ชาวบ้าน ไฟลุกไหม้ ที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงสายวันนี้ (18 ธ.ค.) มีคลิปภาพฝั่งกัมพูชา ระบุว่า เกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ ใกล้ที่มั่นทางการทหารเขต 5 และสถานีตำรวจในย่านตลาดกลางเมืองปอยเปต ยังไม่มีการยืนยันว่า อาคารสำนักงานที่ถูกทำลายเชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ และคลังอาวุธของกัมพูชาหรือไม่ แต่มีรายงานว่า ทหารกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายรถถังพร้อมเครื่องยิงอาวุธมาจ่อไว้ในพื้นที่ จำนวน6 คัน หลังมีเสียงระเบิดลง พบว่าบริเวณบริเวณพื้นที่บึงตากวน ฝั่งกัมพูชา ตรงข้าม อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีควันไฟและความเสียหายเกิดขึ้นอย่างหนัก เบื้องต้นพบสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เป้าหมายได้รับความเสียหายหลายจุด สำหรับสถานการณ์โดยรวมยังในฝั่งปอยเปตอยู่ระหว่างการติดตามประเมินผล ขณะที่สื่อกัมพูชารายงานว่า เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทยโจมตีทางอากาศในพื้นที่ปอยเปต โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน เมื่อกองทัพไทยตรวจพบว่ากัมพูชาซ่องสุมกำลังพลและอาวุธจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว คาดเตรียมรุกรานประเทศไทย ส่วนเพจกองทัพภาคที่ 1มีข้อความเพียงว่า เช้าสู่วันที่ 11 ปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตย “ขอให้เชื่อมั่นว่า พื้นที่ตรงไหนเป็นอธิปไตยของไทย ต้องเป็นของคนไทย” มีรายงานว่า เมื่อเวลา 13:00น. เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยเปิดฉากโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดจำนวน 2 ลูกใส่ตำแหน่งฐานปฏิบัติการทางการทหารกัมพูชาเขตที่ 5 เมืองปอยเปต เป้าหมายการโจมตีครั้งนี้ คืออาคารที่เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ รวมถึงคลังอาวุธของกองกำลังกัมพูชา และในเวลาประมาณ 14.30 น. มีรายงานจากฝั่งกัมพูชา่า เกิดแรงระเบิดในบริเวณภูเขาใกล้เขตเมือง ศรีโสภณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากกองทัพภาคที่ 1 ยังได้ตรวจพบกัมพูชาซ่องสุมกำลังพลและอาวุธบนพื้นที่ดังกล่าว ในลักษณะที่คุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศไทย ล่าสุด พล.อ.ท. จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงผ่านรายการโทรทัศน์ว่า กองทัพอากาศไม่ได้โจมตีเมืองปอยเปต แต่เป้าหมายของการปฏิบัติการคือ สป.5 ซึ่งเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน และวัตถุระเบิด โดยข้อมูลทางการข่าวยืนยันว่า เป็นสถานที่จัดเก็บจรวด BM-21 ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศไทย “การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มุ่งเป้าเฉพาะวัตถุประสงค์ทางทหาร เพื่อจำกัดและลดทอนขีดความสามารถของฝ่ายคู่กรณี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุดไม่พบว่ามีพลเรือนชาวกัมพูชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบได้รับผลกระทบจากการโจมตีแต่อย่างใด” ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายแต่ละครั้ง ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบคอบ ใช้ข้อมูลจากระบบตรวจจับและข่าวกรองภาคพื้นดิน เพื่อยืนยันความถูกต้องก่อนจัดเป็นเป้าหมายเร่งด่วน หรือ Time Sensitive Target โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ย้ำว่า ตลอดช่วง 10-11 วันที่ผ่านมา กองทัพไทยทั้ง 3 เหล่าทัพได้ประสานการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยกองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมด้านกำลังทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการของกองทัพบกและกองทัพเรือ ตามแผนการลดทอนกำลังฝ่ายตรงข้ามอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อผลักดันกำลังภาคพื้นดินของคู่กรณีให้ถอยร่นออกจากพื้นที่เท่านั้น เพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมามีภาพการทิ้งระเบิดในปอยเปต จึงไปค้นหาพบว่าคือ โกดังสิงโตสยาม อยู่ทางเหนือของวงเวียนที่ถนนทางหลวงหมายเลข 5 และ 58 ตัดกัน  จุดพิกัด 13.6365387, 102.6130222 เข้าใจว่าจุดนี้น่าจะเป็นกองบัญชาการ หรือจุดรวมอาวุธของทางกัมพูชา ที่จะมารบกับไทย และใกล้กับโกดังยังมีค่ายตำรวจตระเวนชายแดนของกัมพูชาอยู่ด้วย ถ้าดูจากภาพแรงระเบิดทำลายบางส่วน โดยมีส่วนหนึ่งของโกดังเสียหาย “เข้าใจว่ากองทัพอากาศน่าจะทิ้งระเบิดแบบจำกัดความเสียหายมากที่สุด ทำลายเฉพาะที่เป็นภัยคุกคามเท่านั้น โดยก็มีอีกภาพที่บางส่วนของค่าย ตชด.เขมรพังเสียหายเช่นกัน ....ว่าแต่ โกดังสิงโตสยาม คือของใคร? ต้องติดตามกันดูต่อไป สถานการณ์รบไทย-กัมพูชา ยังไม่น่าไว้วางใจทุกแนว เมื่อทหารกัมพูชายังคงมีความพยายามใช้วิธี “หน่วง”ในการรบให้ยืดเยื้อต่อไป ขณะที่ไทยพยายามปิดจบ ทำลายอาวุธ ฐานที่ตั้งยิงจรวด ทุกอย่างที่เป็นภัยคุกคามอธิปไตยและชีวิตคนไทย ควบคู่กับการตัดท่อน้ำเลี้ยงสแกมเซนเตอร์ของตระกูลฮุน ให้สิ้นสภาพ อ่านข่าว ควันหลง “หลิวจงอี้” มือปราบแดนมังกร  เดินสายสยบ “จีนเทา” จับกระแสการเมือง: วันที่ 17 ธ.ค.2568 “ฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา”เปิด 33 ผู้สมัครปชป.กทม. ค่ายส้ม “วิโรจน์-เท่าพิภพ”พักยก