เลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยขยับขึ้นมาเป็นพรรคหลักในขั้วอนุรักษ์นิยม สู้กับพรรคประชาชนที่สืบต่อุดมการณ์มาจากพรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกล ความจริง ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะโดยทั่วไปนักการเมืองไทย ต่างหวังขอให้ได้ไปต่อเท่านั้นพอ แต่หากเลือกได้ ขอไปต่อกับพรรคที่มีอนาคตกว่า หรือมีปัจจัยและทรัพยากรมากกว่า หรือไปอยู่กับพรรคที่มีอำนาจบารมีเหนือกว่าเดิม สิ่งที่ได้เห็นแทบไม่เว้นแต่ละวัน คือการเปิดตัวสมาชิกและว่าที่ผู้สมัคร สส.ใหม่ในหลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะในขั้วอนุรักษ์นิยม ทั้งที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนหน้าเดิม แค่เปลี่ยนค่าย ย้ายโปร ด้วยเหตุผลหรือข้ออ้าง เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกับตน หรือไม่ก็อ้างว่า อยู่พรรคเล็กทำงานการเมืองต่อไปลำบาก กระทั่งนักการเมืองหลายคน มีชื่อพรรคที่เคยสังกัดยาวเป็นหางว่าว นำไปสู่ความแตกต่างที่พรรคค่ายสีส้ม พยายามสะท้อนให้เห็น ล่าสุดคือ เลือกเฟ้นผู้สมัคร สส.อย่างเป็นระบบมากขึ้น หลังจากเคยโดนเป็นเป้าโจมตี ว่าไม่ต่างจากพรรคอื่น เช่น กรณี สส.งูเห่า และเรื่องพฤติการณ์ละเมิดทางเพศ รวมทั้งเรื่อง มาตรา 112 จึงได้เห็นการพิจารณาคัดเลือกและสกรีนผู้ลงสมัคร สส.ในนามของพรรค แม้คนนั้นจะเคยเป็น สส.มาก่อนก็ตาม โดยมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และนส.ศิริกัญญา ตันสกุล 2 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ เป็นกรรมการพิจารณา ร่วมกับอีก 4 คนที่สื่อเรียกว่า เป็นโปลิตบูโร ที่ล้อมาจาก โปลิตบูโร ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นเหตุให้มี สส.ชุดล่าสุดหลายคนของค่ายสีส้มที่อดไปต่อ ต้อง ออกโรงวิพากษ์โจมตีเรื่องนี้อย่างรุนแรง บางคนกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการด้วยซ้ำ หลายจังหวัดมีเปลี่ยนตัวผู้สมัครคนใหม่ รวมทั้ง กทม.ที่มีเปลี่ยนคนถึง 10 คน ด้วยสาเหตุอาจแตกต่างกัน อย่างนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ไม่ขอไปต่อเอง เพราะบรรลุเป้าผลักดันสุราก้าวหน้าได้แล้ว อีกหลายคนขยับไปเป็น สส.บัญชีรายชื่อ เช่น ไอซ์-รักชนก ศรีนอก และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รวมทั้งนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่ข่าววงในว่า จะรอเป็นรัฐมนตรีหรืออาจทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับพรรค แต่มีอีกส่วนหนึ่ง จัดวางตัวบุคคลเพื่อรองรับ กรณี 44 สส.สมัยพรรคก้าวไกล ไปลงชื่อในญัตติแก้กฎหมาย ม.112 การสกรีนหรือเซ็นเซอร์คนจากภายในพรรคด้วยตัวเองก่อนชั้นหนึ่ง จึงค่อยส่งต่อให้ประชาชนพิจารณา ถือเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะได้เห็นเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองใดในประเทศไทย โดยเฉพาะ การกล้าตัดชื่อคนที่เป็น สส.ชุดล่าสุดออกจากสาระบบ เนื่องจากพรรคประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น แต่ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องพึ่งพาตนเอง ต้องสานฝันสร้าง “ดาวดวงใหม่” ด้วยตนเอง ไม่อาจหวังพึ่งพาอาศัยเสียงจากพรรคอื่นได้ หลังจากโดนหลอกมาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา มิหนำซ้ำ ยังเป็นพรรคใหญ่ค่ายเสรีนิยมพรรคเดียวในสนามเลือกตั้ง ที่จะต้องตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพรรคขั้วอนุรักษ์นิยม เป้า สส.250 คนหรือใกล้บวกลบไม่มาก จึงเป็นความหวังสูงสุดที่พรรคประชาชน ต้องทำเองให้ได้ เลิกหวังพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว วันที่ 11 การปะทะยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทอ.เผยโจมตีคลังเก็บ BM-21 นอกปอยเปต - กต.ยันคนไทยปลอดภัย ทบ.ปฏิเสธข้อกล่าวหากัมพูชา ยืนยันโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร