วันนี้ ( 22 ธ.ค.2568) นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผยว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2568 มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่ารวม 67,931.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับของปีก่อนหน้า 6.97% โดยมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 81.54% ของมูลค่าสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิพิเศษภายใต้ FTA เป็นการส่งออกไปยังอาเซียนภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงสุดเป็น อันดับหนึ่ง มูลค่า 24,001.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 69.68% อันดับสอง เป็นการใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 19,653.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 96.68% อันดับสาม ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 7,580.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 73.77% อันดับสี่ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 5,171.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 83.57% และอันดับห้า ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 4,125.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ 55.99% โดยในภาพรวมสินค้าที่มีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ , ทุเรียนสด , ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ , แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ เนื้อไก่ปรุงแต่ง ถือว่าเป็นการสะท้อนจุดแข็งทั้งด้านสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม จีนยังคงเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของสินค้าเกษตร เช่น ทุเรียนและมันสำปะหลัง ขณะที่อินเดียเติบโตโดดเด่นจากสินค้าอัญมณีและแพลทินัม เปิดโอกาสสำคัญให้ผู้ผลิตไทย โดยเฉพาะในกลุ่มแพลทินัมและโลหะมีค่า ได้ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ทั้งนี้ สินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ สูงในช่วงมกราคม-กันยายน ปี 2568 แบ่งเป็นสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป 5 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียน,เนื้อไก่ปรุงแต่ง ,ชิ้นเนื้อและส่วนอื่นที่บริโภคได้ของสัตว์ปีกแช่แข็ง ,น้ำตาลที่ได้จากอ้อย ,ผลไม้สด (เงาะ ลำไย ทับทิมสด) มูลค่ารวม 19,635.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.91% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ, ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ,แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) ,เครื่องจักรอัตโนมัติ และ เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง มูลค่ารวม 48,295.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.09% ของมูลค่าการใช้สิทธิฯ ทั้งหมด ทุเรียนยังคงครองตลาดจีนอย่างแข็งแกร่ง และเนื้อไก่มีการเติบโตตามความต้องการบริโภคในจีน และญี่ปุ่น สะท้อนความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานการผลิตอาหารของไทย ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของไทย ที่ยังรักษาความได้เปรียบด้านฐานการผลิตภายในประเทศ นางอารดา กล่าวอีกว่า การเติบโตของการใช้สิทธิ FTA ของไทยไม่เพียงเป็นสัญญาณเชิงบวกด้านการส่งออก แต่ยังสะท้อนการยกระดับบทบาทของไทยในห่วงโซ่การผลิตโลก FTA ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และเป็นกลไกที่จะผลักดันให้ไทยก้าวสู่บทบาทแนวหน้าในเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะยาว โดย FTA ฉบับใหม่ที่ไทยอยู่ระหว่างเร่งเจรจา ได้แก่ ไทย-สหภาพยุโรป และไทย-เกาหลีใต้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปิด ตลาดพรีเมียม ของโลก และเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญต่อคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของสินค้า โดยเฉพาะความตกลงไทย-สหภาพยุโรป ที่จะช่วยเชื่อมโยงไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานยุโรป ส่งผลให้ไทยมีบทบาทโดดเด่นขึ้นในห่วงโซ่การผลิตระดับภูมิภาค ทั้งนี้กรมฯ ยังเดินหน้าทำงานเชิงรุกทั่วประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2569 กำหนดเป้าหมายพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 1,300 ราย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อ่านข่าว: เกาหลีใต้ร่วมมือกัมพูชา จับกุม 26 สแกมเมอร์ชาวเกาหลี เตรียมส่งกลับประเทศ ทภ.2 ตรวจพบจรวด BM-21 ตกพื้นที่ส่วนหลัง "พนมดงรัก" 4 ลูก นิวเดลีวิกฤตหมอกควัน AQI พุ่ง 377 ชาวเมืองเที่ยวภูเขาสูงหาอากาศสะอาด