สู้ศึกการเลือกตั้ง 2569 พรรคเพื่อไทย เปิด 3 รายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2568 ภายใต้เคมเปญ "ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้" ที่มีทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง และรุ่นใหม่ หนึ่งในรายชื่อคือ นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้ได้รับการเสนอตัวเป็น "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" ช่วงหนึ่ง นายจุลพันธ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ประกาศว่า อาสาเข้ามาทำภารกิจช่วยคนไทยไร้ความจน พร้อมเดินหน้าสานต่อ 2 นโยบายหลัก "หวยเกษียณ-ล้างหนี้" เพื่อหวังแก้วิกฤตเศรษฐกิจ และยังย้ำว่า การแก้หนี้ประชาชน ไม่ใช่การแจกเงินหรือทำประชานิยม หากแต่เป็นการซ่อมฐานรากประเทศ พร้อมยึด สโลแกน "มีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี" ด้วยคาดหวังยกเครื่องประเทศไทย นายจุลพันธ์ เป็นนักการเมืองไทยรุ่นใหม่จากพรรคเพื่อไทย ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะ สส.และผู้นำพรรค โดยเฉพาะในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ แพทองธาร ชินวัตร นายจุลพันธ์ เป็น สส.มาแล้วหลายสมัย ตั้งแต่สังกัด พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน บทบาทในพรรคเพื่อไทยช่วงรัฐบาลแพทองธาร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (รวมทั้งภายใต้แพทองธาร เป็น นายกรัฐมนตรี) จุลพันธ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการสำคัญ นายจุลพันธ์ได้รับมอบหมายเป็น ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการด้านเศรษฐกิจและสวัสดิการของรัฐบาลเพื่อไทย บทบาทเชิงนโยบายและเศรษฐกิจ ด้วยพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์และประสบการณ์การทำงานด้านงบประมาณ การคลัง และกรรมาธิการต่าง ๆ เขามีส่วนขับเคลื่อนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคทั้งในสภาและในรัฐบาล การเปลี่ยนผ่านสู่ "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (และถูกศาลตัดสิทธิ์ในตำแหน่งนายกฯ ในปี 2568) พรรคเพื่อไทยมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคชุดใหม่ ในการ ประชุมใหญ่ของพรรค (31 ต.ค. 2568) นายจุลพันธ์ ถูกเลือกให้เป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ด้วยคะแนนท่วมท้นจากสมาชิกพรรค นายจุลพันธ์ เปิดใจภายหลังได้ รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนใหม่ พร้อมยกเครื่องพรรค พร้อมระบุว่า ตนเอง และ กก.บห.พรรคชุดใหม่ ขอบคุณที่มอบความไว้วางใจให้เข้ามาขับเคลื่อนพรรค ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดที่มีโอกาสมาปฏิบัติหน้าที่ ตนเองอยู่กับพรรคมาตั้งแต่รุ่นพรรคไทยรักไทย มากกว่า 25 ปีที่ได้ทำงานร่วมกับพรรคการเมืองนี้ มีความทรงจำทั้งความสำเร็จและอุปสรรค ไม่ใช่ถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ยังคงอยู่รอดมาได้ บทบาทหลังหัวหน้าพรรคในฐานะหัวหน้าพรรค เขากำลังเป็นตัวแทนสำคัญของพรรคเพื่อไทยในฐานะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนำพรรคไปสู่การเตรียมพร้อมสำหรับ การเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมยืนยันจุดยืนและนโยบายของพรรค ประวัติจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้ได้รับการเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เกิด 8 เมษายน พ.ศ. 2518 ปัจจุบันอายุ 50 ปี (ปี 2568) เป็นบุตรชายของ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ นางเพ็ชรี (เตชะไพบูลย์) อมรวิวัฒน์ ด้านประวัติการศึกษา นายจุลพันธ์ สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปริญญาโท MBA, Boston College, USA ประสบการณ์การทำงานของ นายจุลพันธ์ นั้นผ่านการทำหน้าที่มาหลากหลาย ทั้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร, อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ปี 2548, 2550, 2554, 2562, 2566 นายจุลพันธ์ เคย อดีตกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร, อดีตกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร, อดีตกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร, อดีตกรรมาธิการพืชผลการเกษตร สภาผู้แทนราษฎร, อดีตคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล, อดีตคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน, อดีตคณะกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย และ อดีตประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณและขุนพลเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย จุลพันธ์โดดเด่นอย่างมากในการอภิปราย "พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี" และ "พ.ร.ก. กู้เงินโควิด" ตลอด 4 ปี ของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ การตีแผ่ความล้มเหลวของการจัดสรรงบที่เขาเรียกว่า "รัฐราชการรวมศูนย์" โดยมักจะเจาะลึกไปที่ "งบกลาง" ซึ่งเป็นงบที่นายกฯ ถือไว้ในมือว่ามีการตรวจสอบยาก รวมถึงการอภิปรายโจมตีการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และ 5 แสนล้านบาท ว่าเป็นการ "เซ็นเช็คเปล่า" ที่ไร้ประสิทธิภาพ ก่อหนี้สาธารณะพุ่งสูงทะลุเพดานแต่เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว และได้อ้างอิงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามซ่อนไว้ เช่น หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงสวนทางกับ GDP ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาชัดเจนในฐานะฝ่ายค้านที่แม่นยำข้อมูลเศรษฐกิจ จุลพันธ์ยังทำหน้าที่เป็น "วิปฝ่ายค้าน" ตัวหลักที่คอยคุมเกมในสภา เขาใช้ความเชี่ยวชาญในข้อบังคับการประชุมสภามางัดข้อกับประธานสภาและฝ่ายรัฐบาลอยู่เสมอ แต่ผลงานการอภิปรายที่ดุเดือดที่สุดในช่วงท้ายสมัยก่อนการเลือกตั้ง 2566 คือการถล่มนโยบาย "กัญชาเสรี" ของพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดทางกฎหมายที่ทำให้เกิด "สุญญากาศ" ที่ไร้การควบคุม จนกัญชาแพร่ระบาดไปสู่เยาวชน โดยอภิปรายกดดันให้ถอนร่าง พ.ร.บ. กัญชาฯ ออกจากวาระ ในช่วงเวลาดังกล่าว รู้จัก "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 พรรคประชาชน ลุยศึกเลือกตั้ง 2569 เปิดประวัติ "ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์" แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย