ISP วิเคราะห์ปะทะชายแดน "กัมพูชา" เศรษฐกิจเสียหายหนัก 650 ล้านดอลลาร์ GDP หดตัวชัด

วันนี้ (23 ธ.ค.2568) สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ หรือ ISP ออกเอกสารวิชาการฉบับพิเศษ เดือน ธ.ค.2568 วิเคราะห์ต้นทุนและผลกระทบทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจากความขัดแย้งชายแดนกับไทยที่ปะทุขึ้นช่วงปลายเดือนมิ.ย.2568 โดยระบุว่าก่อนหน้านี้ธนาคารโลกคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของกัมพูชาในปี 2568 ไว้ที่ร้อยละ 5.8 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในปี 2567 แสดงถึงการฟื้นตัวใกล้เคียงระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 แต่ความขัดแย้งดังกล่าวได้บั่นทอนโอกาสนี้อย่างรุนแรง โดยนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจประเมินว่าปฏิบัติการชายแดนฉุกเฉินของกัมพูชาในช่วงครึ่งปีหลังมีค่าใช้จ่ายรวม 450 ถึง 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,625 ถึง 21,125 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายหลักแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ ค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการ ซึ่งรวมค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โลจิสติกส์ และเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยสำหรับทหารราว 30,000 - 40,000 นายที่ระดมพลไปยังพื้นที่ชายแดน เช่น จังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย บริเวณช่องบก ภูมะเขือ ใน จ.อุบลราชธานี ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ใน จ.สุรินทร์ ซึ่งต่อมาความขัดแย้งขยายไปยังปอยเปตในสระแก้ว เกาะกง และโพธิสัตว์ในตราด ส่วนที่สองคือ การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ เร่งด่วนจากจีน เช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพา โดรนพลีชีพ และระบบขีปนาวุธ GAM-102 จากมาเลเซีย ส่วนที่สามคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างบังเกอร์ถาวรและชั่วคราว รวมถึงถนนทางยุทธวิธีสู่พื้นที่สู้รบ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกองทัพบกกัมพูชา หรือ RCAF ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ของกัมพูชา เห็นได้ชัดจากการปรับลดพยากรณ์ GDP ของธนาคารโลกเหลือร้อยละ 4.2 ถึง 4.5 หรือลดลงร้อยละ 1.3 ถึง 1.6 จากตัวเลขเดิม โดยปัจจัยหลักมาจาก การดึงงบประมาณสาธารณะกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16,250 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบร้อยละ 5 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยดึงเงินจากภาคสาธารณสุขและการศึกษา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ในภาคการผลิต โดยเฉพาะสิ่งทอ ชะงักงันร้อยละ 15 ในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนกังวลความไม่แน่นอน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งสร้างรายได้ 3,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบร้อยละ 10 ของจีดีพี ในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากปีก่อน ก็หยุดชะงักจากความตึงเครียดชายแดน โดยเฉพาะเขตโบราณสถาน การสูญเสียรายได้จากการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานกัมพูชา 1,200,000 คนในไทย ซึ่งประมาณ 1,230 - 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 39,975 - 65,000 ล้านบาท ในปี 2567 บทสรุปของเอกสารระบุว่า การเผชิญหน้าทางทหารครั้งนี้ สร้างภาระทางการเงินและเศรษฐกิจที่หนักหน่วงแก่กัมพูชา โดยค่าใช้จ่ายโดยตรงอย่างน้อย 450 - 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 14,625 - 21,125 ล้านบาท และผลกระทบทางอ้อมในระยะยาวอาจสูงถึงกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 200,000 ล้านบาท จากการสูญเสียด้านการท่องเที่ยวและการจ้างงาน สถาบันการเงินระหว่างประเทศปรับลดอันดับความเชื่อมั่นและพยากรณ์การเติบโตปี 2568 - 2569 ลงเกือบร้อยละ 2 และอาจปรับลดเพิ่มหากความขัดแย้งไม่ยุติ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์เตือนว่าการจัดการผลกระทบนี้จำเป็นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจกัมพูชาให้กลับสู่เส้นทางเดิม อ่านข่าวอื่น : "บิ๊กเล็ก" ย้ำแนวทางสู้รบมาถูกทาง​ พบหลักฐานชัดกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด ทัพไทยยิงฐานทหารเขมร 18 เป้าหมาย ภาพรวมได้เปรียบควบคุมพื้นที่