เลือกตั้ง 2569 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นับเป็นวันสำคัญที่ประชาชนจะได้ใช้สิทธิ 2 เรื่องในวันเดียวกัน คือ 1. เลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และ 2. ในครั้งนี้ยังจะมีการ "ออกเสียงประชามติ" เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งสำคัญที่ประชาชนจะใช้สิทธิเพื่อกำหนดทั้งผู้แทนในสภาฯ และทิศทางกติกาการเมืองของประเทศ ไปพร้อมกัน ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง 2569 อย่างเป็นทางการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนด วันเปิดรับสมัคร สส. แบบเขต วันที่ 27-31 ธ.ค. 2568 ส่วน การส่งรายชื่อ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และ การแจ้งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กกต.ได้กำหนดส่งรายชื่อ ภายในวันที่ 28-31 ธ.ค.2568 นั่นหมายความว่า ภายในปี 2568 ประชาชนจะได้ ทราบทั้ง "ผู้สมัคร สส." เขตของตนเอง และ รายชื่อ "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" สำหรับการเลือกตั้งปี 2569 โดยแต่ละพรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ ไม่เกิน 3 คนต่อพรรค รวมไปถึงนโยบายของแต่ละพรรค เลือกตั้ง สส. 2569 : เลือกคน เลือกพรรค บริหารประเทศ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในปี 2569 เป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนใช้สิทธิเลือก ผู้แทนของตนเข้าสู่สภา เพื่อทำหน้าที่ออกกฎหมาย พิจารณาจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงสะท้อนเสียงของประชาชนในพื้นที่ต่อรัฐบาล ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้รับ บัตรเลือกตั้ง สส. เพื่อกากบาทเลือกผู้สมัคร หรือ พรรคการเมืองตามระบบที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผลการเลือกตั้งจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และกำหนดทิศทางนโยบายประเทศ ออกเสียงประชามติ : กลไกจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากการเลือก สส. แล้ว วันเดียวกันประชาชนยังต้องร่วม ออกเสียงประชามติ ในประเด็นสำคัญ คือ การเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การทำประชามติครั้งนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงในการตัดสินใจว่า ประเทศไทยควรเดินหน้าใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เนื้อหาของรัฐธรรมนูญจะส่งผลต่อโครงสร้างอำนาจทางการเมือง สิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมถึงกลไกตรวจสอบถ่วงดุลในระยะยาว การออกเสียงประชามติครั้งสำคัญเพื่อรับฟังเสียงของประชาชนเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2569 นี้ จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. การจัดการจะต้องทำอย่างไรบ้าง บัตรมีรูปแบบอย่างไร และการออกเสียงนอกเขต ทำได้หรือไม่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2568 โดยที่ พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้กำหนดกรณีให้นายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับ กกต. กำหนดวันให้มีการออกเสียงประชามติ ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาจกำหนดให้มีการออกเสียงประชามติที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปก็ได้ จึงสมควรให้มีระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 22 มาตรา 24 มาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 37 และมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ประกอบมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 18 มาตรา 19 มาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 29 มาตรา 30 มาตรา 31 มาตรา 40 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 43 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 59 มาตรา 61 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 65 และมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงออกระเบียบเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ ที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปไว้ ดังนี้ โดยระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2568" และระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป รวมถึงระเบียบนี้ให้ใช้บังคับเฉพาะกรณีการออกเสียงประชามติที่กำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป บรรดาการใดๆ เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติที่มิได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2568 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เขตออกเสียง หน่วยออกเสียง และ ที่ออกเสียง ให้ใช้หน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งเป็นหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง โดยให้ถือว่าประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งเป็นประกาศกำหนดหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง ให้มีคูหาเพิ่มเติมสำหรับออกเสียงในที่เลือกตั้งด้วยการจัดวางคูหาตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุด้วย ก่อนวันออกเสียง ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือผู้ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมอบหมาย ดำเนินการ ดังนี้ (1) จัดให้มีการหาวัสดุอุปกรณ์การออกเสียง ตลอดจนการจัดภายในบริเวณที่เลือกตั้งให้ใช้ในการออกเสียงได้โดยสะดวกตามตัวอย่างแผนผังที่ออกเสียงท้ายระเบียบนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจปรับแผนผังที่ออกเสียงได้ตามสภาพพื้นที่ของที่ออกเสียงก็ได้ (2) ให้ป้ายบอกที่เลือกตั้งเป็นป้ายบอกที่ออกเสียงด้วย ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือผู้ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมอบหมาย ส่งมอบให้คณะกรรมการประจำเขตหรือผู้ที่คณะกรรมการประจำเขตมอบหมาย เพื่อมอบให้กรรมการประจำหน่วยร่วมกับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดำเนินการแทนได้ ที่ออกเสียงสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ในการออกเสียงนอกเขตออกเสียง ให้คณะกรรมการประจำเขตประกาศกำหนดให้ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้งเป็นที่ออกเสียงนอกเขตออกเสียงตามแบบ อ.ส. 1/1 ก่อนวันออกเสียงไม่น้อยกว่า 30 วัน ในกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งประกาศเปลี่ยนแปลงที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการประจำเขตหรือผู้ที่คณะกรรมการประจำเขตมอบหมายประกาศเปลี่ยนแปลงที่ออกเสียงนอกเขตออกเสียง โดยประกาศตามแบบ อ.ส. 1/2 และให้นำความในส่วนที่ 2 หน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในการออกเสียง ณ ที่ออกเสียงสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ให้คณะกรรมการประจำเขตประกาศกำหนดให้ที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ เป็นที่ออกเสียงสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ตามแบบ อ.ส. 1/3 ก่อนวันออกเสียงไม่น้อยกว่า 30 วัน ในกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งประกาศเปลี่ยนแปลงที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ให้คณะกรรมการประจำเขตหรือผู้ที่คณะกรรมการประจำเขตมอบหมายประกาศเปลี่ยนแปลงที่ออกเสียงสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ โดยประกาศตามแบบ อ.ส. 1/4 และให้นำความในส่วนที่ 2 หน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ผู้มีสิทธิออกเสียง ผู้มีสิทธิออกเสียง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และมีหน้าที่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างอิสระ อ่านฉบับเต็ม https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/99768.pdf กกต.เตรียมเปิดลงทะเบียนออกเสียงประชามติ 3-5 ม.ค.นี้ นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 ในการบรรยายในหัวข้อ "การมีส่วนร่วมของประชาชนและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง" โดยระบุ นายกรัฐมนตรี จะต้องประกาศให้ออกเสียงประชามติภายในวันที่ 2 ม.ค.2569 การเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต สส.แบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงการออกเสียงประชามติ จะจัดในคูหาเดียวกัน ในวันที่ 8 ก.พ.2569 เท่านั้น โดยการออกเสียงประชามติ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร กกต.จะประกาศให้ลงทะเบียน ภายในวันที่ 3-5 ม.ค.69 ผ่านระบบออนไลน์ อ้างอิงข้อมูล : iLaw, พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 เลือกตั้ง 2569 "นายกรัฐมนตรี" จากเสียง สส. ไร้ สว. ร่วมโหวต