ชิง 33 สส.กรุงเทพฯ ไร้ “ของตาย” ไม่ง่ายดังเดิม

แม้ “แชมป์เก่า” พรรคประชาชน ประกาศกวาด สส.กทม.ทั้ง 33 เขต ในการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 แต่หากไปดูจากนิด้าโพลที่เปิดผลสำรวจล่าสุด อุปสรรคสำคัญอาจอยู่ที่คนกรุงเทพฯ ยังลังเล ไม่รู้จะเลือกใครเป็นนายกฯ สูงถึง 47 % และไม่รู้จะเลือกพรรคไหน สูงถึง 40 % เทียบกับก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ครั้งนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนำสู้ศึกเลือกตั้ง นิด้าโพล เปิดผลสำรวจ 27 มี.ค.2566 ก่อนเลือกตั้งเดือนครึ่ง นายพิธานำอันดับ 1 ที่ 25.8 %  สูงกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย แม้จะไม่ทิ้งขาด และนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ เกือบ 10 % แต่กลุ่มที่ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ มีเพียง 5.2 % ขณะที่นิด้าโพลล่าสุด 21 ธ.ค.2568 ก่อนเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 ประมาณเดือนครึ่งเช่นกัน นายณัฐพงษ์ อยู่อันดับ 2 ได้ 16.9 % แต่เมื่อเทียบกับ กลุ่มยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ มีสูงถึง 47.2 % ไม่ต่างจากพรรคการเมือง ที่คนกรุงเทพฯ จะเลือก อันดับ 1 ที่ 40.2 % ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้  อันดับ 2 ที่ 26.2 % เป็นพรรคประชาชน อันดับ 3 และ 4 เป็นพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์  ที่ 10 % และ 9.5 % ตามลำดับ สะท้อนชัดนัยทางการเมืองว่า ประชาชนทั่วไป ไม่พอใจหรือค้างคาใจต่อการทำหน้าที่ของนักการเมือง ในฐานะ สส. ที่เป็นตัวแทนของปวงชน จนเกิดความลังเล ไม่เชื่อมั่น ไม่กล้าเลือก กระทั่งมีคำถามในใจแต่ยังไร้คำตอบ อาจถึงขั้นหันรีหันขวาง พยายามมองหาทางเลือกที่ใช่ หรือดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่ยังไม่เจอ อารมณ์ความรู้สึกนี้ ไม่เพียงเกิดกับคนกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับการสำรวจคะแนนนิยมการเมืองในต่างจังหวัดของนิด้าโพล  รวมทั้งโพลอื่น ๆ ด้วย จากคำตอบส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน คือยังหาคนและพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ ความจริง ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือหาที่มาของคำตอบดังกล่าวไม่ได้ เพราะแค่ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ประชาชนได้เรียนรู้มากมาย ไม่ว่าจะเรื่องหาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง แต่กลับทำไม่ได้เมื่อเป็นรัฐบาล หรือกรณีจับมือร่วมกันหวังตั้งรัฐบาล หรือแม้แต่ตั้งรัฐบาลแล้ว สุดท้ายก็โดนเท  โดยพยายามสรรหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาที่ดูดี  ขณะที่บางพรรคก็เต็มใจให้โดนหลอก หรืออาจเพราะ”ละอ่อน”การเมืองมากไป บางนโยบายถูกคัดค้าน เพราะขัดต่อหลักศีลธรรมอันดีงาม แต่กลับดื้อดึงจะเดินหน้า ปัญหาสแกมเมอร์ กลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ ยังดำรงอยู่  มิหนำซ้ำยังเชื่อมโยงถึงคนในพรรคการเมืองหรือแม้แต่ในรัฐบาล แต่กลับไม่มีความชัดเจนว่าจะจัดการหรือไม่ อย่างไร บางพรรคโดนขุดวาทกรรม อย่าง “กองทัพมีไว้ทำไม-ถึงรบกับใครก็ไม่แน่ใจว่าชนะ” เมื่อมีข้อพิพาทชายแดนมีการปะทะเกิดขึ้น จึงเป็นเสมือนบูมเบอแรงย้อนกลับมา ขณะเดียวกัน เพราะความผิดหวัง หรือหาอนาคตไม่เจอ อาจเป็นปัจจัยทำให้บางพรรคการเมืองที่ถูกมองว่าตกยุคไปแล้ว กลับมีโอกาสพลิกฟื้น เพราะเลือก “ของใหม่” แล้ว ไม่ได้มรรคผลอย่างที่หวัง ไม่แน่นัก ผลเลือกตั้งครั้งนี้ที่อาจพลิกผันไปจากเดิม อาจเป็น “บทเรียน” ที่เจ็บปวดสำหรับฝ่ายการเมือง ที่ยังคิดในกรอบเดิม ๆ ว่า “ถึงอย่างไรก็เป็นของตาย” วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : เริ่มแล้ว! ประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ระดับเลขานุการ ที่ จ.จันทบุรี กัมพูชายิงจรวด BM-21 พื้นที่บ้านคลองแผง บ้านเสียหาย 3 หลัง "พล.อ.อ.ประภาส" ยันไทยใช้กำลังตามหลัก IHL โจมตีเป้าหมายทหาร-คุ้มครองพลเรือน