คนหนุ่มสาวในเมืองใหญ่เริ่มคืนสู่รากเหง้า เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในที่ผ่านมา จากยุคโควิด เศรษฐกิจซบเซา การจ้างงานลดลง ทำให้เห็นคนรุ่นใหม่ผนวกความรู้กับอัตลักษณ์ท้องถิ่น เป็นพลังขับเคลื่อนชุมชนชนบท นับเป็นความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน การอยู่กับวิถีชีวิตและผลผลิตเดิมด้วยมุมมองใหม่ นำภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมชุมชนมาบริหารจัดการ เพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปผลผลิตธรรมดาที่เคยส่งขายคนกลางหรือตลาดและโรงงาน กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเรื่องราวและมีความโดดเด่น เช่น ชุมชนพัฒนาการปลูกกาแฟและเมล็ดกาแฟที่ปลูกในป่า ทำให้เกิด Specialty Coffee ที่มีรสชาติและที่มาอันเป็นเอกลักษณ์ นำทักษะงานหัตถกรรมดั้งเดิมมาเติมความสร้างสรรค์ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัจจุบัน ทักษะการตลาดดิจิทัล สร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจ สื่อสารเรื่องราวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ถึงผู้บริโภคในเมืองและต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรรมกลับมาเป็นอาชีพที่มีความหวังและมีรายได้มั่นคงอีกครั้ง “เรื่องเหล่านี้คือเส้นเรื่องที่เรานำเสนอในรายการทุ่งแสงตะวันตลอดปี 2568 ควบคู่กับการเดินทางเยี่ยมเยือนชุมชนที่เคยถ่ายทำรายการ ทำให้โลกรู้ว่าสังคมชนบทเปลี่ยนไปมากแล้ว ทัศนะหรือนโยบายต่อชุมชนชนบทก็ควรจะเปลี่ยนและเปลี่ยนให้มากกว่านี้” นิรมล เมธีสุวกุล หรือ พี่นก สรุปเรื่องของปี 2568 เนื่องในช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง “การเห็นเด็กๆ ของเราเติบโตโดยมีธรรมชาติเป็นครู เป็นห้องเรียน เป็นโลกใบเล็กๆ ที่เรียนรู้ได้หลายมิติ เป็นสิ่งที่เรียกว่าไม่ต้องพิสูจน์ และก็ทำงานเรื่องนี้ตลอดมา เห็นเลยว่ารูปแบบการเรียนรู้มีหัวใจหรือแก่นแกนที่เป็นอมตะ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือรูปแบบการเรียนรู้ ซึ่งมีทั้งคล้ายเดิมและการเรียนรู้ที่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือใหม่ๆ ที่ต่างออกไปจากยุคก่อนๆ” “เมื่อก่อนเกมเรียนรู้ธรรมชาติคือพาเด็กไปนั่งสงบและสังเกตสรรพเสียงในธรรมชาติ บันทึกแผนที่เสียงลงในสมุด หรือเฝ้าสังเกตแล้วนำมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน สมัยนี้เรามีเครื่องมือบันทึกเสียงจากบึงน้ำ จากป่าดงดิบ มีเครื่องมือศึกษาสังเกตสัตว์เล็กๆ ในลำธาร หรือการเฝ้าสังเกตดวงดาวด้วยอุปกรณ์ใหม่ๆ […]