เป็นเรื่องช็อคไม่น้อยสำหรับคอการเมืองพันธุ์แท้ เมื่อจู่ ๆ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ไปต่อ ในฐานะแคนดิเดทนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะถึงวันรับสมัคร สส.เขตและบัญชีรายชื่อ รวมทั้งส่งชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงแค่ 2-3 วัน หลังจากก่อนหน้านี้ แม้จะมีข่าววงในออกมาเป็นระยะว่า “ลุงป้อม” จะวางมือทางการเมือง จากทั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อเพียงหนึ่งเดียวของพรรค พปชร. แต่ทุกครั้งจะจบลงด้วยการปฏิเสธอย่างแข็งขันของ พล.อ.ประวิตร ยังเดินเตรียมความพร้อม จะนำพรรคพลังประชารัฐสู้ศึกเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 โดยลงนามแต่งตั้งผู้ดูแลสนามเลือกตั้งแต่ละภาค รวมทั้งกรุงเทพฯ ที่มอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง บุตรชายคนสำคัญของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นแม่ทัพ ไม่เพียงเท่านั้น 12 ธ.ค.ที่เพิ่งผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ผู้เป็นบิดา เพิ่งโผล่เข้าบ้านป่ารอยต่อ ไปพบ “ลุงป้อม” เพื่อยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรค มี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค และเป็นหนึ่งผู้อาวุโสของพรรคร่วมต้อนรับ ทั้งยังได้ร่วมโต๊ะกินอาหารด้วยกันอย่างชื่นมื่น มิหนำซ้ำ ยังมีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ด้วย แค่ 2 สัปดาห์ผ่านไป เหตุการณ์กลับพลิกผัน เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนายวันยอมรับเองว่า ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม ยังไม่ชัดเจนว่า จะลาออกด้วยหรือไม่ ความจริง สัญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่มีข่าวบนหน้าสื่อว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เลขาฯ พรรค จะถอนตัวจากแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 ก่อนที่เจ้าตัวต้องออกโรงสยบข่าว บอกใบ้ให้รอดูของจริง ตามด้วยการโพสต์ของ “แรมโบ้อีสาน” นายเสกสกล อัตถาวงษ์ อดีต สส.นครราชสีมา ที่เพิ่งโพสต์กลับถิ่นเก่าพรรคพลังประชารัฐ แท้ๆ กลับต้องรีบโพสต์ข้อความใหม่ เตรียมลาออกไปสังกัดพรรคอื่น อ้างเหตุผลว่า ทราบข่าว “ลุงป้อม” จะไม่ไปต่อ เพราะปัญหาสุขภาพ จึงขอย้ายออก เพราะไม่อยากจะเคว้งคว้าง เมื่อไร้เงาลุงป้อม แต่ในที่สุด ข่าวนี้จะได้รับการยืนยันจากแกนนำในพรรคว่า “ลุงป้อม” แค่ขอทำหน้าที่หัวหน้าพรรค แต่สละแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เปลี่ยนเป็น น.ส.ตรีนุช ด้วยเหตุผลสำคัญประการเดียว คือเรื่องสุขภาพ เพราะอายุ 80 ปีแล้ว แม้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค จะย้ำว่า การถอยของ พล.อ.ประวิตร ไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เพื่อเซ็นรับรองใบให้ผู้สมัคร สส.ของพรรค จะไม่กระทบต่อแผนการเลือกตั้งที่พรรคได้เตรียมการไว้แล้ว จะส่ง สส. แบบเขตกว่า 200 เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ มอบอำนาจให้ “ลุงป้อม” เป็นผู้พิจารณาจัดวางลำดับ แต่ในทางปฏิบัติ เหตุการณ์ดังกล่าว มองได้ 2 มุม 1.ส่งผลกระทบต่อพรรคและผู้สมัครของพรรค พปชร. แน่ๆ และทันทีที่มีข่าว “ลุงป้อม” จะไม่ไปต่อ ปรากฏว่าคนในพรรค และว่าที่ผู้สมัครส่วนหนึ่งที่มาจากพรรคอื่น และส่วนใหญ่ เป็นระดับเกรดบี เกรดซี บางส่วนเป็นอดีต สส. แต่เป็นสมัยก่อน ได้เตรียมชิ่งหนีจากพรรค เพราะเป็นสัญญาณว่า การขอรับการสนับสนุนด้านทรัพยากรจาก “ลุงป้อม” ที่เคยได้เชื่อว่าใจดี พร้อมจ่ายแบบมือเป็นระวิง จะไม่ลื่นไหลเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว น.ส.ตรีนุช เติบโตท่ามกลางผู้คนในแวดวงการเมืองอาชีพ ย่อมรู้เท่าทันนักการเมือง และรู้ดีว่า เป็นการเมืองขนาดเล็ก การแข่งขันสูง อนาคตข้างหน้า ยังขาดความแน่นอนว่าจะ ได้ไปต่อหรือไม่ รวมทั้งทราบดีว่าต้องบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอย่างไร แต่ในอีกมุมหนึ่ง อาจมองได้เช่นกันว่า นี่เป็นภารกิจสุดท้ายของ “ลุงป้อม” ก่อนจะวางมือทางการเมือง ด้วยเหตุสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย และบรรดานกกาที่เคยอาศัยบารมีก่อนหน้านี้ ได้โบยบินหายไปเกือบทั้งหมดแล้ว ในฐานะที่เคยเป็น “พี่ใหญ่” และยังได้ชื่อว่า ไม่เคยทอดทิ้งลูกน้อง ตั้งแต่เมื่อครั้งออกรบร่วมกัน “ลุงป้อม” ย่อมรู้ดีว่า ยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ คือนำพาลูกพรรคส่วนหนึ่งที่ยังจงรักภักดี ส่งข้ามน้ำทะเลไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือสุดท้าย ให้ได้เสียก่อน เป็นเสมือนคำตอบสุดท้าย ของคำถามที่ว่า เหตุใด “ลุงป้อม” จึงไม่ยอมวางมือทางการเมืองเสียที ทั้งที่พี่น้องอีก 2 ป. ล้างมือในอ่างทางคำไปแล้ว เพราะการยืนหยัดไม่ถอย กระทั่งสุดท้ายได้ร่วมรัฐบาลนายอนุทิน และส่งคนในพรรคไปมีตำแหน่งในรัฐบาล รวมทั้ง น.ส.ตรีนุช ที่ไม่ยอมทิ้ง “ลุงป้อม” ไปไหน ได้เป็นรัฐมนตรีแรงงาน ครั้งนี้จึงเป็นการทิ้งทวน ก่อนปิดตำนาน 3 ป.ไว้เพียงเท่านี้ วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส อ่านข่าว : ทภ.2 ยึด "เนิน 225" ได้แล้ว ตัดเส้นทาง "กัมพูชา" ยึดคืน "เนิน 350" ทหารแจงรื้อ "รูปปั้น" พื้นที่ชายแดน ไม่ใช่ศาสนสถานที่ขึ้นทะเบียน "สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว" จากทูตระดับโลกสู่ แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 พรรคภูมิใจไทย