นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผย ภาพรวมสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยปี 2568 ว่าปริมาณส่งออกจะสูงกว่า 7.5 ล้านตัน ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จากความต้องการนำเข้าในช่วงปลายปีและไทยมีผลผลิตข้าวนาปีรองรับคำสั่งซื้อดังกล่าว แม้ตลาดการค้าข้าวโลกจะเผชิญแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกิน โดยเฉพาะสต็อกข้าวอินเดียที่ต้องระบายจำนวนมาก ซึ่งมีผลต่อทิศทางราคาในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงเดือนม.ค. – พ.บ. 2568 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 7.29 ล้านตัน ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมูลค่าการส่งออกลดลง 30% อยู่ที่ 4,162 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 136,823 ล้านบาท ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญ ได้แก่ อิรัก แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา จีน และเซเนกัล ทั้งนี้ ในเดือนพ.ย. 2568 หลังจากที่มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลจีนจะซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐปริมาณ 500,000 ตัน ส่งผลเชิงบวกต่อจิตวิทยาตลาดทำให้ราคาข้าวไทยขยับสูงขึ้น ประกอบกับในช่วงปลายปียังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากความต้องการนําเข้าข้าวเพื่อรองรับกับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีสะท้อนเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย ลดเป้าส่งออกปี 69 เหลือ 7 ล้านตัน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้หารือประเมินสถานการณ์ตลาดข้าวในปี 2569 ร่วมกับภาคเอกชนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งคาดว่ายังคงมีภาวะที่ใกล้เคียงกับปี 2568 ทั้งภาพรวมปริมาณผลผลิตข้าวโลกและความต้องการของผู้นำเข้า ตลาดข้าวโลกยังคงมีการแข่งขันสูงจากผลผลิตข้าวที่ยังคงมีปริมาณมากจากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูก และการระบายสต็อกข้าวปริมาณมากของอินเดีย รวมถึงความต้องการนำเข้าข้าวของคู้ค้าสำคัญ เช่น อินโดนีเซีย ที่มีแนวโน้มลดการนำเข้าข้าวลงจากนโยบายพึ่งพาตนเองด้านอาหาร นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโลก การแข็งค่าและความผันผวนของค่าเงินบาท รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนค่าขนส่ง แต่ในขณะเดียวกัน ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์อาจทำให้ผู้นำเข้าข้าวบางประเทศนำเข้าข้าวเพื่อเก็บเป็นสต็อกสำรองเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางอาหาร ก็อาจเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวเช่นกันสำคัญ จึงคาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2569 จะมีปริมาณ 7 ล้านตัน ส่วนปีนี้ คาดว่าไทจะส่งออกได้ 7.8 ล้านตัน ลดลงจากปี2567 ที่ส่งออกได้ 9.95 ล้านตัน ทั้งนี้เพื่อรับมือกับความท้าทายในปี 2569 กรมเตรียมแผนผลักดันการส่งออกข้าวเพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวไทยไว้แล้ว โดยกรมฯ พร้อมเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมตลาดและผลักดันการส่งออกข้าวไทย โดยเน้นการรักษาตลาดเดิมและรุกตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งกิจกรรมหลักในปี 2569 ประกอบด้วย การผลักดันและเจรจาซื้อขายข้าวที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับรัฐบาลจีน ปริมาณ 500,000 ตัน รวมทั้งติดตามการดำเนินงานภายใต้บันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าวกับรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ได้ตกลงปริมาณซื้อขายข้าวสูงสุดไม่เกิน 100,000 ตัน ตลอดระยะเวลา 5 ปี สำหรับการส่งมอบข้าว G to G กับจีนคาดว่าจะสามารถส่งมอบข้าว G to G ล็อตแรก 100,000 ตัน ได้ช่วง ม.ค. 2569 นอกจากนี้ยังมีแผนเร่งขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อิรัก ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา ตลอดจนขยายตลาดข้าวประณีต เช่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา และ การกระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าสำคัญเพื่อขยายตลาดข้าวไทย อาทิ ฮ่องกง จีน สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการค้าและเพิ่มโอกาสการส่งออก การเดินหน้าประชาสัมพันธ์ข้าวไทยผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติ พร้อมเชื่อมโยงผู้นำเข้า – ผู้ส่งออกข้าว โดยนำผู้ประกอบการรายย่อยเข้าร่วมเจรจาซื้อขายข้าวกับผู้นำเข้าในงาน กรมฯ ยังมีแผนโปรโมตข้าวไทยผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นความต้องการบริโภคข้าวไทยในวงกว้าง รวมถึงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภคข้าวไทยร่วมกับร้านอาหาร หรือ Key Influencers ที่มีชื่อเสียงด้วย ส่วนราคาข้าว FOB ข้าวขาว 5 % ของไทยราคาที่ 410 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ข้าวขาวของคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม อยู่ที่ 365 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ปากีสถาน อยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐจต่อตัน และอินเดีย อยู่ที่ 358 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตามอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท เพราะเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง 10-20% ซึ่งทำให้การแข่งขันด้านราคาของไทยค่อนข้างเสียเปรียบ หากค่าเงินบาทของมีความมั่นคงในการเจรจาการต่อรองจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ส่งออกมันสำปะหลังพุ่งแรง 11 เดือนโตทะลุเป้า อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์การส่งออกมันสำปะหลัง ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 (มกราคม–พฤศจิกายน) ว่า ปริมาณการส่งออกรวม 7.83 ล้านตัน เพิ่มขึ้น28.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการส่งออกเพียง 6.10 ล้านตัน และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตันแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการส่งออกมันสำปะหลังของไทยที่ขยายตัวอย่างชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการมันสำปะหลังของไทยในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมทำงานเชิงรุกในการขยายตลาดไปยังประเทศและภูมิภาคใหม่ที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการรักษาตลาดหลักเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2568 มีผู้ซื้อและผู้ใช้มันสำปะหลังจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้ามันสำปะหลังของไทยขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับในปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง กรมฯ ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจัดคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนเดินทางไปจัดกิจกรรมขยายตลาดและเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีนตอนใต้ ญี่ปุ่น ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปยุโรป เป็นต้น เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมี กาว และกระดาษ มั่นใจปี69 ส่งออกมันสำปะหลังยังสดใส ทั้งนี้ กรมฯคาดการณ์ว่า ในปี 2569 แนวโน้มการส่งออกมันสำปะหลังของไทยจะยังคงอยู่ในทิศทางที่สดใส จะสามารถส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนด้านความต้องการของตลาดต่างประเทศ ทั้งในตลาดอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ของจีนซึ่งเป็นตลาดหลักเดิม และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของจีนและตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยท้าทายจากปริมาณผลผลิตที่มีแนวโน้มลดลงตามการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปเพื่อการส่งออก ทั้งนี้ กรมฯ จะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนแผนการขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2569 โดยมุ่งแสวงหาตลาดใหม่ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เพื่อขยายฐานการส่งออกและสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในระยะยาว อ่านข่าว: สัญญานเตือน "ข้าวไทย" เสี่ยงรอบด้าน เร่งปรับพันธุ์ตอบโจทย์ตลาดโลก พาณิชย์เตรียมเจรจาคอฟโก้ ข้าว G to G 5 แสนตัน ดันส่งออกข้าวทั้งปีทะลุเป้า พณ.ลดค่าธรรมเนียมส่งออกข้าว หนุนเกษตรกร–รายย่อยโกอินเตอร์