บรรยากาศการรับสมัครผู้ประสงค์ลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบแบ่งเขตวันแรกรวมทั้งสิ้น 400 เขตทั่วประเทศ เป็นไปอย่างคึกคักมีสีสัน คลาคล่ำไปด้วยผู้สนับสนุนให้กำลังใจ ผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองได้หมายเลขประจำตัวเรียบร้อยแล้ว เพื่อใช้สำหรับรณรงค์หาเลียงตลอด 40 วันต่อจากนี้ ซึ่งจะต้องระมัดระวังเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งให้จงหนัก ส่วนการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณา แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีและสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ กำหนดให้ดำเนินการไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันสุดท้าย พรรคการเมืองต่างๆ ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ซึ่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นแจ้งได้จำนวน 3 รายชื่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 100 รายชื่อ ซึ่งเป็นหมายเลขรวมของแต่ละพรรค จากนี้ไปในระยะเวลากว่า 1 เดือน ประเทศไทยจะเข้มข้นไปด้วยการรณรงค์หาเสียง การเปิดเวทีปราศรัยในสถานที่ต่างๆ ปลุกเร้าเรียกความนิยม เสนอทางเลือกให้แก่ประชาชน เป็นที่คาดหมายกันว่าจะมี 3 พรรคใหญ่ที่จะช่วงชิงจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างดุเดือด คือ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเรียงลำดับกันมา แต่พรรคขนาดกลางก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบ่งพื้นที่รัฐสภา ได้แก่ พรรคกล้าธรรม พรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงพรรคการเมืองใหม่ๆ ด้วย นโยบายพรรคการเมืองที่โดนใจ ตัวบุคคลที่มีความสดใหม่น่าสนใจ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีผลงานในพื้นที่ จะเป็นปัจจัยสำคัญของการแพ้ชนะ อย่างไรก็ตาม การใช้เงินทองอามิสจูงใจเพื่อทุ่มซื้อคะแนนเสียงก็ยิ่งต้องจับตา ซึ่งขณะนี้มีขบวนการจัดตั้งกันแล้ว ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งจักต้องหาวิธีป้องกันและแนวทางขจัดสกัดกั้น มาตรการดังกล่าว องค์กรจัดการเลือกตั้งมีทั้งกฎหมาย หน่วยงานที่สามารถดำเนินการได้ปกติอยู่แล้ว […]