วันนี้ ( 29 ธ.ค.2568) กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00-31.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 31.06 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.02-31.43 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 5 ปี เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางช่วงเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่ตลาดไม่ได้ตอบรับมากนักต่อข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาส 3 เติบโต 4.3% ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภค นอกจากนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ครั้งแรกลดลงผิดคาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะปรับลดดอกเบี้ยลงราว 2 ครั้งในปี 69 ขณะที่ธนาคารกลางหลักหลายแห่งจบรอบการผ่อนคลายนโยบายการเงินแล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,045 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 2,864 ล้านบาท สำหรับในสัปดาห์นี้ กรุงศรีโกลบอลมาร์เก็ตส์ระบุว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานประชุมเฟดและยังคงระมัดระวังต่อความเสี่ยงที่ว่าทางการญี่ปุ่นอาจเข้าพยุงค่าเงินเยน ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเงินเยนซึ่งปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มสกุลเงินหลักแม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยญี่ปุ่นประกาศเตรียมลดการออกพันธบัตรระยะยาวในปีงบประมาณหน้า และปรับแผนไปสู่พันธบัตรระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อบรรเทาความกังวลเรื่องอุปทานพันธบัตรระยะยาวพิเศษล้นตลาด สำหรับปัจจัยในประเทศ มูลค่าส่งออกเดือนพ.ย.ของไทยขยายตัว 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย โดยภาคส่งออกยังได้แรงหนุนจากวัฏจักรการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ขณะที่การนำเข้าในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 17.6% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 2.73 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 68 มูลค่าส่งออกเติบโต 12.6% กระทรวงพาณิชย์คาดว่ายอดส่งออกปี 69 อาจขยายตัวเพียง 1.1% หรือหดตัวสูงสุด 3.1% ตามผลของมาตรการภาษีของสหรัฐฯและการแข็งค่าของเงินบาท ด้านผู้ว่าการธปท.ระบุว่าการแข็งค่าของเงินบาทเกิดจากปริมาณการซื้อขายทองคำมหาศาล โดยการแข็งค่านี้ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และธปท.จะดำเนินการกำกับดูแลการซื้อขายทองคำออนไลน์ รวมถึงกำหนดวงเงินซื้อขายสูงสุดสำหรับผู้ค้าทองรายใหญ่ ด้านศูนย์วิจัยกรุงไทยฯ เผยว่าการส่งออกไทยในปี 2569 จะหดตัวจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยเต็มปี โดย Momentum มีแนวโน้มแผ่วลง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม High Local Content ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับการผลิตและการจ้างงานภายในประเทศค่อนข้างสูงจะเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2569 ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตามในปี 2569 ประกอบด้วยความเร็วของการระบายสต็อกสินค้าของคู่ค้าสหรัฐฯ จากที่เคยเร่งนำเข้าในช่วงก่อนหน้ายังมีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งซื้อชะลอตัวลงเร็วหรือมากกว่าคาด การแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ ที่ทดแทนสหรัฐฯ อาจรุนแรงกว่าคาด โดยต้องติดตามปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่ง การแข็งค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในเดือน ธ.ค.2568 ทำให้ราคาสินค้าไทยแพงขึ้นมากกว่าคู่แข่ง และทำให้กำไรในรูปเงินบาทลดลง รวมถึงกรณี ศาลสหรัฐอาจพิจารณาตัดสินให้มาตรการภาษี Reciprocal Tariff ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ภาษีลดลงชั่วคราว ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะผลักดันมาตรการทางการค้ากลับมาใช้ผ่านช่องทางกฎหมายอื่นต่อไป อ่านข่าว: ส่งออกสินค้าเกษตร ปี69 โตพุ่ง พณ ชี้“ข้าว-มันสำปะหลัง”รุ่ง สวนทางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน เศรษฐกิจโลก-มาตรการภาษี สนค.เผย ฉุดส่งออกไทย ปี69 โตชะลอ “บาทแข็ง” เสี่ยงเสียตลาดส่งออก หอการค้าไทย เผย ข้าว–เกษตร กระทบหนัก เงินบาทสัปดาห์นี้ 31.25-31.68 บาท กรุงศรีฯ เผยแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง